Bakuman และ Shonen Jump
Bakuman (บาคุมัง, วัยซนคนการ์ตูน) ผลงานล่าสุดจากผู้วาด Death Note และฮิคารุเซียนโกะ กล่าวถึงเรื่องราวเด็กหนุ่มสองคน มาชิโร่และทาคากิ ที่มาร่วมมือกันเขียนการ์ตูนตั้งแต่สมัยมัธยมต้น โดยมีความฝันที่จะกลายเป็นนักเขียนการ์ตูนที่ได้รับความนิยมสูงสุดส่วนใหญ่พล็อตเรื่องแนวนี้ จะเขียนในมุมมองนักเขียนเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ Bakuman เสนอในด้านระบบการผลิตหนังสือการ์ตูนของนิตยสารโชเน็นจัมป์ มีการสอดแทรกการทำงานของกองบรรณาธิการอิงตามความเป็นจริง ซึ่งมีรายละเอียดหลายอย่างที่ทำให้คนอ่านสนใจ เช่น การพิจารณาเลือกการ์ตูนในเล่ม, ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลและนักเขียน, เรื่องของผู้ช่วยกับนักเขียน, ประสบการณ์, การจัดอันดับความนิยม และเกร็ดความรู้อื่นอีกมากมาย ปัจจุบันถึงจะอวสานไปแล้ว แต่เกร็ดความรู้หลายอย่างยังนำมาอิงกับวงการการ์ตูนญี่ปุ่นได้ในระดับหนึ่ง
นิตยสารโชเน็นจัมป์ (Shonen Jump) เป็นนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ของบริษัทชูเอย์ฉะ กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้อ่านวัยรุ่นชายเป็นหลัก ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในประเทศญี่ปุ่นต่อเนื่องมาหลายปี เริ่มวางจำหน่ายแบบรายสัปดาห์ตั้งแต่ค.ศ. 1969 ยอดขายรวมในปีที่ผ่านมา ขายได้ประมาณ 2,876,459 เล่ม เคยตีพิมพ์การ์ตูนชื่อดังหลายเรื่อง เช่น ดราก้อนบอล, เซนต์เซย่า, โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ, กัปตันซึบาสะ, แสลม ดังก์ และอื่นๆ
ผลโหวตและความนิยม
นิตยสารโชเน็นจัมป์ จะแนบแบบสอบถามไว้ทุกฉบับ เพื่อรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มผู้อ่านบางส่วน นำมาวิเคราะห์ได้ในหลายเรื่อง เช่น ชอบเรื่องไหนมากที่สุด, วัยกับเพศผู้อ่าน และข้อมูลบางอย่างที่นำมาใช้ปรับปรุงนิตยสารให้เข้ากับผู้อ่านมากขึ้น (บริษัทอาจใช้ระบบนี้บ้าง แต่ไม่ได้นำมาถ่ายทอดในการ์ตูนแบบเรื่อง Bakuman)ในเรื่อง Bakuman มีการกล่าวถึงเรื่องเรียงลำดับการ์ตุนยอดนิยมจากลำดับในเล่ม ทำให้พอที่จะคาดเดาคะแนนความนิยมของการ์ตูนในแต่ละช่วงจากหน้าสารบัญได้ ลองดูตัวอย่างอันดับความนิยมในช่วงเล่มต้นเดือนกรกฏาคมของปีนี้กัน ซึ่งจัดลำดับการ์ตูนในเล่มจากผลโหวตช่วงหนึ่ง
หมายเหตุ : หน้าสี, เรื่องใหม่ และเรื่องสั้น จะไม่แสดงอันดับในเล่ม รวมถึงเรื่อง Kochikame ที่เป็นเรื่องที่ยาวนานที่สุดในจัมป์ (ปัจจุบันเขียนมา 35 ปี และฉบับรวมเล่ม 175 เล่ม), อ้างอิงจากเว็บ Pantip
จากตารางข้างบน จะเห็นว่าแต่ละเล่มมีความเปลี่ยนแปลงกันพอสมควร กลุ่มเรื่องที่กำลังเดินเรื่องไม่ค่อยน่าสนใจ เช่น ย้อนอดีตบ่อย, คุยกันทั้งเรื่อง, เนื้อเรื่องซ้ำซ้อนไม่แปลกใหม่ ก็จะได้รับความนิยมน้อยลง ส่วนเรื่องที่กำลังสนุก เนื้อหาเข้มข้น น่าติดตาม ก็จะได้อันดับที่ดีกว่า
เมื่อขาดความนิยมก็ต้องตัดจบ
![]() |
ตัดจบโดยวาดเหมือนเหตุการณ์ผ่านไปอย่างไว |
การตัดจบอาจเป็นเรื่องโหดร้ายต่อนักเขียน แต่ก็ทำไปเพื่อรักษาคุณภาพของการ์ตูนในเล่มไว้ และให้นักเขียนมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนางานเขียนของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ถ้าตัวนักเขียนรู้ว่าความนิยมกำลังไม่ดี ก็จะได้ปรับรูปแบบการเขียนให้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่าเขียนแนวไหนตามความพอใจ หรือยืดเนื้อเรื่องให้จบช้าเพื่อที่จะมีงานทำเรื่อยๆ
ผลจากการนำเรื่องการจัดอันดับมากล่าวถึงในเรื่อง Bakuman ดูจะมีผลไม่น้อยกับตัวผู้อ่านในหลายประเทศ ทำให้มีคนความสนใจกับลำดับการ์ตูนที่ชอบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความนิยมยังคงเป็นเพียงแนวโน้มและความเห็นต่อผู้อ่านเท่านั้น ถ้าพิจารณาจากองค์ประกอบอื่น เช่น ยอดขายฉบับรวมเล่ม กับความนิยมในสื่ออื่น อาจทำให้เรื่องนั้นวางขายได้ไปอีกสักระยะ ซึ่งดุลยพินิจทั้งหมดจะอยู่กับกองบรรณาธิการของจั๊มป์เอง ว่าจะแก้ไขเรื่องอันดับความนิยมด้วยวิธีใด
หมายเหตุ : ช่วงนี้ขุดบทความเก่าๆ มาลงหัวข้อความรู้ (Knowledge) บทความนี้เขียนลงหนังสือมาสองปีที่แล้ว
No comments:
Post a Comment