May 25, 2013

Senki Zesshou Symphogear G (Season 2) เรื่องย่อและข้อมูลตัวละคร

Senki Zesshou Symphogear G Cover
ภาคต่อของอนิเมะแบบ Original ที่ฉายไปเมื่อมกราคมปี 2012 คอนเซ็ปต์ต่างจากสาวน้อยมีพลังพิเศษเรื่องอื่นหน่อยตรง เน้นขายอัลบั้มเพลง และเน้นเพลงประกอบระหว่างต่อสู้ที่ร้อง เพราะการใช้พลัง Symphogear จำเป็นต้องใช้การร้องเพลงเป็นตัวกระตุ้น ซึ่งภาคแรกนั้นมีเพลงประกอบประมาณ 10 เพลง ถือเป็นเรื่องที่เนื้อเรื่องค่อนข้างน่าติดตามในภาคแรก (แต่ส่วนตัวคิดว่าหักมุมถี่ไปหน่อย จนจับทางได้) มีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับเดิม Itou Tatsufumi ที่ไม่ค่อยมีผลงานเด่น มาเป็นคนที่ดูมีผลงานมากขึ้นด้วย และถ้ามองว่าภาคแรกเป็นเพียงต้องการเพิ่มตัวละครอีกคน ภาคนี้น่าจะสนุกยิ่งขึ้น

Senki Zesshou Symphogear G (戦姫絶唱シンフォギアG)

Director : Ono Katsumi (Yu-Gi-Oh! 5D's, Beast Saga)
Series Composition, Script : Kaneko Akifumi (Senki Zesshou Symphogear)
Character Design : Fujimoto Satoru (เรื่องแรก แต่เคยช่วยภาคแรก)
Original Character Design : Yoshii Dan (Ontama!)
Original Creator (Anime) : Kaneko Akifumi, Agematsu Noriyasu
Animation Production : Satelight

Aired : 4 กรกฎาคม 2013 (MBS 26:35)
Opening Theme / OP 1 : Vitalization โดย Nana Mizuki
Ending Theme / ED 1 : Next Destination โดย Takagaki Ayahi
Senki Zesshou Symphogear G

เนื้อเรื่องย่อ

หลังจากจบภาคแรกเป็นเวลา 3 เดือน ญี่ปุ่นร่วมมือกับอเมริกาเพื่อค้นคว้าวิจัยระบบของ Symphogear ให้ลึกยิ่งขึ้น วัตถุโบราณที่สมบูรณ์แบบชิ้นใหม่ ภายใต้ชื่อ Sacrist S ได้ถูกส่งมาที่ฐานทหารในประเทศอเมริกา ปรากฏศัตรูที่ซ่อนตัวในเงามืด และพวก Noise ที่หลงเหลือจากบอสภาคแรก ฟิเน่ (Fine) ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ทำให้ฮิบิกิ, ซึบาสะ และคริส ต้องใช้ Symphogear เพื่อต่อสู้กับพวก Noise เหล่านั้นอีกครั้ง

Promotion Movie 1



ตัวละครหลัก

ทาจิบานะ ฮิบิกิ (Tachibana Hibiki)
พากย์ : Yuuki Aoi
ผู้ครอบครอง Relic ชิ้นที่สาม Gungnir เดิมทีเป็นของคานาเดะคู่หูของซึบาสะ เนื่องจากมีแค่เศษชิ้นส่วนของ Gungnir ทำให้เธอไม่มีอาวุธและต้องใช้มือเปล่าในการต่อสู้ในภาคแรก รวมทั้งไม่มีท่าไม้ตายแบบคนอื่น ภายหลังสามารถใช้งาน Relic ดาบ Durandal เป็นอาวุธในตอนสุดท้ายของซีซั่นแรก เป็นคนร่าเริง มีความกระตือรือร้นสูง
Tachibana Hibiki Gungnir
คาซานาริ ซึบาสะ (Kazanari Tsubasa)
พากย์ : Mizuki Nana
ผู้ครอบครอง Relic ชิ้นแรก Ame no Habakiri (Totsuka-no-Tsurugi) ใช้ดาบคาตานะยาวเป็นอาวุธ ชื่อท่าไม้ตายเป็นภาษาญี่ปุ่น เป็นนักร้องชื่อดังคู่กับคานาเดะในวง ZweiWing มานาน ก่อนที่คานาเดะจะเสียชีวิตเพื่อปกป้องฮิบิกิ ทำให้เธอไม่อยากทำงานร่วมกับฮิบิกิในภาคแรก จนกระทั่งเข้าใจกันในภายหลัง เป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับหน้าที่
Kazanari Tsubasa Ame no Habakiri
ยูคิเนะ คริส (Yukine Chris)
พากย์ : Takagaki Ayahi
ภาคแรกเธอใส่ Nehushtan Armor เป็นศัตรูที่ควบคุม Noise ความจริงเธอยังเป็นผู้ครอบครอง Relic ชิ้นที่สอง Icchi-Bal ภาคแรก ชื่อท่าไม้ตายเป็นภาษาอังกฤษ ถึงโจมตีด้วยความเกรี้ยวกราด แต่ก็ปรากฏด้านอ่อนโยนให้เห็นบ้าง ตอนเด็กหลังสูญเสียพ่อแม่ เธอก็ถูกจับไปวิจัย Relic และมีความทรงจำที่ไม่ดีนักกับพวกผู้ใหญ่ เก็นจูโร่เคยจะพาเธอมาอยู่ด้วยหลังพ่อแม่เสียแต่ไม่พบเธอซึ่งถือเป็นความผิดพลาดสำหรับเขา หลังเข้าใจเก็นจูโร่และร่วมมือกับพวกฮิบิกิในตอนท้ายซีซั่นแรก เธอจึงมาอยู่ฝ่ายเดียวกับฮิบิกิในภาคนี้
Yukine Chris
โคฮินาตะ มิคุ (Kohinata Miku)
พากย์ : Iguchi Yaka
เพื่อนสนิทและเพื่อนรวมห้องพักเดียวกับฮิบิกิ เป็นห่วงฮิบิกิบ่อยครั้ง เมื่อทราบเรื่องที่ฮิบิกิปิดบังตนเรื่อง Symphogear แม้จะโกรธในช่วงแรก แต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้ในภายหลัง
Kohinata Miku


คาซานาริ เก็นจูโร่ (Kazanari Genjuro)
พากย์ : Ishikawa Hideo
หัวหน้าขององค์กรรับมือภัยพิบัติ สาขาที่ย่อยที่ 2 เขาเป็นลุงของซึบาสะแล้วยังเป็นแฟนตัวยงของหนังแอ็คชั่น แม้จะไม่มีพลังพิเศษแต่แข็งแกร่งมาก เคยรับมือพวกที่ใช้ Symphogear ด้วยมือเปล่าได้ เขาเป็นคนสอนการต่อสู้ให้กับฮิบิกิในช่วงแรก ครอบครัวของคริสเคยฝากฝังให้เขาดูแลก่อนตายเมื่อ 8 ปีก่อน แต่คริสหนีไปก่อนที่เขาจะไปถึงคฤหาสถ์ของเธอ
Kazanari Genjuro

ตัวละครอื่นๆ

Tomosato Aoi พากย์โดย Seto Asami
Seto Asami

Itaba Yumi พากย์โดย Akasaki Chinatsu
Akasaki Chinatsu

Fujitaka Sakuya พากย์โดย Akabane Kenji
Akabane Kenji

Andou Kuriyo พากย์โดย Komatsu Mikako
Komatsu Mikako

Terashima Shiori พากย์โดย Touyama Nao
Touyama Nao

Ogawa Shinji พากย์โดย Hoshi Souichiro
Hoshi Souichiro

ภาพตัวละครฝ่ายศัตรู

Source : Anime New Network, Official Website

Update : (24 มิถุนายน) Key Visual ใหม่ เผยหลังงาน Event ฉายตอนแรกล่วงหน้าในโรงภาพยนตร์


No comments:

Post a Comment